เครื่องประดับหรือจิวเวอรี่จัดว่าเป็นของสิ่งสำคัญของสาวๆมากกว่าแค่ของใช้ในชีวิตประจำวัน เราใช้เครืองประดับเพื่อเสริมความสง่าราศีให้กับชุดที่เราใส่ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ ต่างหู แหวน คัฟลิ้งค์หรือแม้กระทั่งนาฬืกา สิ่งของพวกนี้แม้ว่าขนาดจะเล็กเพียงไหนก็ตาม แต่ด้วยความที่ใช้วัสดุอย่างทอง ทองคำขาว หรือเงินแท้ ทำให้ราคามันสูงลิบลิ่วเลยทีเดียว วันนี้ eardots จะมาแนะนำ 10 แบรนด์จิวเวอรี่ที่หรูหราที่สุดในโลก มาดูกันว่ามีตัวไหนที่คุณมีติดตู้ไว้แล้วบ้าง ^^
เรามาไล่ดูกันตั้งแต่อันดับสิบละกันนะคะ
10. Chopard
โชพาร์ด ช่างทำนาฬิกาชาวสวิสฯเชื่อในวัสดุที่ใช้ เครื่องประดับทุกชิ้นของ Chopard ทำจากอัญมณีแท้และทอง 18 กะรัต ความละเอียดเป็นสิ่งที่ Chopard ใส่ใจเป็นมากที่สุด ดังเช่นต่างหูในรูป เรียบและคลาสสิก แต่มันช่างดูเด่นเป็นสง่า เพชรสามเม็ดที่เห็นเคลื่อนไปมาได้ ปิดทับด้วยตราประทับของ Chopard บนกรอบทอง ทำให้ต่างหูคู่นี้มีชีวิตชีวาขึ้นไปอีก
9. Mikimoto
Kokichi Mikimoto เริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ปี 1893 ทุกคนจะรู้จักคอลเลคชั่นเขาในรูปของไข่มุก หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือชาวญี่ปุ่นคนนี้เป็นผู้ศึกษาชีววิทยา ผู้เริ่มต้นไข่มุกเลี้ยง ซึ่งใช้เวลาสร้าง 3-5 ปี
เครื่องประดับของ Mikimoto ล้วนทำจากผลผลิตชั้นดีที่สุดของมหาสมุทร เช่น ไข่มุก South Sea ชั้นดี ไข่มุกเลี้ยงหรือไข่มุกหายาก ไข่มุก Titian เป็นต้น นอกจากไข่มุกที่ว่าแล้ว Mikimoto ยังใช้แต่ทองคำหรือทองคำขาว 18 กะรัตเท่านั้น ความเรียบง่ายเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบของ Mikimoto เครื่องประดับแต่ละชิ้นจะมาในรูปแบบของอัญมณีธรรมชาติ ความบริสุทธิ์ของไข่มุกเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์เลยก็ว่าได้ เครื่องประดับจาก Mikimoto ออกแบบมาสำหรับใส่ได้ทั้งงานกลางวันกลางคืน เรียบและหรู ดังเช่น Empress Necklace อย่างที่เห็นในรูป
8. Bvlgari
เริ่มต้นเมื่อปี 1884 ที๋โรม อิตาลี เริ่มขยับตัวเป็นผู้นำในตลาดจิวเวอรี่ของโลก ดีไซน์ผสมผสานระหว่างแบบพื้นเมืองชาวโรมกับนวัตกรรมใหม่ๆ มีทั้งทรงหนา ชิ้นใหญ่ และทรง Cabochon อันซึ่งเป็นมนต์เสห่ห์ตกทอดมาจากยุค 60s Bvlgari คัดสรรแต่อัญมณีที่ดีที่สุดและทอง 18 กะรัต
7. Piaget
George Piaget ชาวสวิสอีกคนที่เริ่มต้นธุรกิจจากนาฬิกาจนชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วยุโรป เมื่อเวลาผ่านไป ครอบครัว Piaget ก็เริ่มผันตัวเองเข้าไปทำจิวเวอร์รี่เน้นมนต์เสน่ห์แบบโบราณคลาสสิก รูปดอกกุหลาบจัดเป็นเอกลักษณ์ของ Piaget เลยทีเดียว
6. Graff
มีชื่อในคุณภาพและบริการ เอกลักษณ์อีกอย่างของ Graff คืออัญมณีที่ใช้ Laurence Graff บอกเองว่าอัญมณีชิ้นใหญ่ โดยเฉพาะเพชรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การตัดสินใจขยายตลาดของเขาไปยังประเทศต่างๆเพื่อไปหาลูกค้าที่ชอบอัญมณีเหล่านี้ เพื่อตัดพ่อค้าคนกลางออก ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีดังเช่นทุกวันนี้ Graff ยังเขียนหนังสือชื่อ The Most Fabulous Jewels in the World อันซึ่งเขียนถึงประวัติและตำนานของแบรนด์จิวเวอรี่ของตัวเอง
5. Tiffany
แบรนด์จิวเวอรี่ที่ใส่ได้หลายโอกาสสำหรับทั้งชายและหญิง รวมไปถึงเด็กๆด้วย แน่นอนว่าคุณภาพเป็นคุณสมบัติหลักของ Tiffany ทองคำและเงินที่คัดมาต่างแวววาว เพชรเล็กใหญ่ก็ไร้ที่ติ จิวเวอรี่ของ Tiffany เป็นแนวโมเดริ์น เรียบง่าย แต่คลาสสิกก็เป็นหนึ่งในการออกแบบหลักของแบรนด์ ว่ากันว่าหากเดินผ่าน shop ของ Tiffany สาวๆเป็นอันต้องหยุดชื่นชมเลยทีเดียว
4. Buccellati
เป็นที่รู้จักในทองอิตาเลี่ยนสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ ดีไซน์ในแบบโรมัน ถึงแม้วัสดุที่ใช้จะอัดแน่นไปด้วยอัญมณีต่างๆ แต่เราจะเห็นความพริ่วของมันจากที่ไกล เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดเลยก็ว่าได้
3. Van Cleef & Arples
จิวเวอรี่ที่ได้แรงบันดาลใจมากจากธรรมชาติและความละเอียดอ่อน งานของดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศสสองคนชื่อ Estelle Arpels และ Alfred Van Cleef จิวเวอรี่ของ Van Cleef และ Arpels เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและเทคนิคพิเศษทีใช้ดีไซน์อัญมณี ผลงานส่วนใหญ่จะมาในรูปสัตว์ ดอกไม้ ดังเช่น Oiseaux de Paradis หรือ นกในสรวงสวรรค์ดังรูป ที่ดูมีชีวิตชีวาและสวยงาม
2. Cartier
แบรนด์ที่ประวัติศาสตร์ค่อนข้างยาวนาน ผลงานแรกของ Cartier ออกมาในปี 1860 คุณภาพและการออกแบบเตะตาลูกค้าที่ชื่นชอบในเครื่องประดับ รวมไปถึงภรรยาของดยุค Windsor เธอต้องใจกับ Panther เอกลักษณ์ของ Cartier และซื้อมาครอบครองเก็บไว้หลายชิ้นเลยทีเดียว ชิ้นที่มีชื่อเสียงที่เธอเป็นกำไลเพชรมรกต ซึ่งประกอบไปด้วยเพชร onyx ซึ่งเพิ่งขายไปสนนราคาที่ 7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
1. Harry Winston
หากพูดถึงความหรูหราของเพชร ในดีไซน์คลาสสิกแล้วล่ะก็ ทุกๆแบรนด์คงต้องถอยให้ Harry Winston ตั้งแต่ปี 1932 วินส์ตันเริ่มต้นด้วยการใช้เพชรชั้นดีและอัญมณีหายาก ทุกผลงานใส่ใจรายละเอียด จิวเวอรี่คงทน หากเอ่ยถึงเครื่องประดับหรูหรา ชื่อของวินส์ตันก็ยังคงเป็นที่พูดถึงกันจนถึงทุกวันนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก